ครองคู่อย่างไรให้ไม่ล้ำเส้น

พุธ, 28/10/2009 - 13:31 — webmaster

" 90% ของผู้หญิงเช๊คโทรศัพท์คู่รัก "

ขอบเขตความเป็นส่วนตัว ดูจะเป็นประเด็นหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ของคู่สมรส เห็นได้จากหลายคู่ที่ทะเลาะกันเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก้าวล่วง หรือ “ล้ำเส้น” เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายหนึ่งโดยที่ฝ่ายนั้นไม่ยินดี กลายเป็นความบาดหมาง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหองระแหง ไม่ยั่งยืน คุณหมอประเวช ตันติพิวัฒนสกุล จิตแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการเรื่องพื้นที่ส่วนตัวสำหรับคู่สมรส ว่ามีวิธีจัดการอย่างไร จึงจะไม่ส่งผลต่อสัมพันธภาพ และทำให้ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างราบรื่น

พฤติกรรมอยากรู้อยากเห็น เช่น เช็คโทรศัพท์มือถือหรือกระเป๋าสตางค์ของแฟน สามี หรือภรรยา แสดงถึงความระแวง ซึ่งแต่ละคนจะมีมากน้อยต่างกัน แต่ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย เพราะโดยวิวัฒนาการ สัตว์เพศผู้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่แพร่สายพันธุ์ของตนเองให้ดำรงต่อไป ในขณะที่สัตว์เพศเมียมีธรรมชาติในการคัดเลือกสัตว์เพศผู้ คือเลือกความมั่นคงให้กับตนเอง เพื่อช่วยเหลือในการดูแลลูกให้อยู่รอดปลอดภัย ด้วยธรรมชาติตรงนี้ ผู้ชายจึงมักจะไปมีกิ๊กมากกว่าผู้หญิง การมีกิ๊กสำหรับผู้ชายเป็นเรื่องสนุกสนานตื่นเต้น แต่ผู้หญิงถือว่าพฤติกรรมอย่างนี้เป็นการคุกคามอย่างมาก ประกอบกับสมองของผู้หญิงนั้นสามารถเชื่อมสมองซีกซ้ายขวา เชื่อมโยงความคิดได้ดี และใช้ความรู้สึกมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจึงมีแรงจูงใจที่ทำให้เกิดความระแวงมากกว่า เราจึงพบว่าถ้ามีโอกาส ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายที่ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ชาย

ซึ่งตรงนี้ จะตรวจสอบบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อความสบายใจก็ทำได้ แต่บางครั้งก็เกิดปัญหาความสัมพันธ์ เช่น ผู้ชายไม่ได้มีกิ๊ก แต่ผู้หญิงไม่ยอมหยุดเช็ค หรือเช็คบ่อยๆ ซ้ำๆ มากเกินไป ก็เกิดเป็นปัญหาเรื่องล้ำเส้น จากเรื่องเล็กๆ กลายเป็นระหองระแหง

ล้ำเส้นหรือไม่ล้ำเส้นเป็นเรื่องที่คนสองคนต้องตกลงกัน ร่วมกันขีดเส้น ปรับให้ลงตัว ซึ่งกระบวนการนี้ถือเป็นบททดสอบว่าจะอยู่กันอย่างราบรื่นหรือไม่ เอกสารทางวิชาการด้านความรักสรุปว่า ความรักมี 2 องค์ประกอบ คือ ความใส่ใจ และการให้เกียรติ รวมถึงการให้พื้นที่อย่างเหมาะสม

ครอบครัวควรจะมีพรหมวิหาร 4 แล้วสามีภรรยาก็ต้องรักษาระยะห่างให้ดี ความหมายของระยะห่างในวิถีชีวิตของเรา หมายถึงเรื่องของคนคนหนึ่ง หน้าที่ในการพัฒนาตัวตน จนถึงขนาดและความเป็นตัวตน ในทางพุทธบอกว่า เราเกิดมาคนเดียวและตายไปคนเดียว ถ้าเราเอาตัวไปผูกติดกับคนอื่นมาก ก็จะไม่สามารถพัฒนาความเป็นตัวตนได้ ถ้าระแวงจนล้ำเส้น ก็เกิดเป็นความไม่มั่นคง แต่ถ้าล้ำเส้นแล้วพบว่าแฟนหรือสามีเรามีกิ๊กจริง ก็ต้องมีวิธีการจัดการที่เหมาะสม

มีกรณีตัวอย่างของชายคนหนึ่งที่แอบภรรยาไปมีกิ๊ก โดยปกติภรรยาของเขาก็ไม่ได้เช็คอะไร จนวันหนึ่งภรรยาพบเอกสารบันทึกการประชุมที่มีข้อความเขียนว่า “รักนะ รักมากด้วย” ภรรยาจึงเริ่มต้นเช็คโทรศัพท์ แล้วก็พบว่าเขาแอบไปมีความสัมพันธ์กับน้องที่ทำงานคนหนึ่ง เขารักภรรยา จึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์และลาออกจากที่ทำงานเดิม นับแต่นั้นเขาไม่ออกนอกลู่นอกทางอีก แต่ภรรยาก็ยังไม่วางใจ โทรศัพท์เช็คตลอดเวลา คำถามคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่แอบไปมีกิ๊กแล้วแฟนหรือภรรยาจับได้ แล้วนับแต่นั้นมาแฟนหรือภรรยาก็คอยเช็คตลอด ต้องเข้าใจว่าประสบการณ์เลวร้ายมันฝังใจผู้หญิง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอดีต แต่เธอยังเอาอดีตมาเกี่ยวข้องกับปัจจุบัน จนทำให้เกิดเป็นปัญหา สิ่งที่คุณต้องทำคือ ต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือเหมือนเดิม ให้เวลากับภรรยามากขึ้น เพิ่มต้นทุนความสุข ต้องช่วยภรรยาให้เธอกลับไปจัดการความเจ็บปวด แล้วกลับมาให้อภัยได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวภรรยาและคุณเองด้วยว่าจะเลือกใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร จะระแวงไม่ไว้วางใจ หรือยอมไว้ใจอีกครั้ง แล้วกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนเดิม

สำหรับภรรยา อยากให้ระลึกถึงประเด็นเรื่อง เราเกิดมาคนเดียวและตายไปคนเดียว ถ้าเรามัวไปหวาดระแวงเราก็จะเป็นทุกข์อยู่คนเดียว ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า อำนาจต่อรองของผู้หญิงไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชาย เวลาที่จับได้ว่าแฟนหรือสามีตัวเองแอบนอกใจ ผู้หญิงมักมี 3 ทางเลือกคือ

1. ถ้ารู้เมื่อไหร่ เราเลิกกัน
2. รู้แล้ว ฉันให้อภัยเธอ และ
3. รู้แล้ว แต่ฉันยังฝังใจ ให้อภัยไม่ได้

ซึ่งถ้าหากเลือกทางเลือกที่ 1 จะทุกข์เพียงชั่วคราว แล้วจะสามารถปรับตัวได้แน่นอน ทางเลือกที่ 2 เราต้องแลกกับความสงบสุขในชีวิตคู่ คือเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง แต่เราสามารถตั้งรับสถานการณ์ต่อไปได้ ส่วนทางเลือกที่ 3 เราจะทุกข์ไปตลอด เพราะฉะนั้นจะแก้ปัญหานี้ได้คนทั้งคู่ต้องร่วมกันนคิดและตัดสินใจ เพื่อจะได้ไม่เป็นทุกข์ระทมไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่