Accessibility help

เมนูหลัก

รอบรู้เรื่องประกันชีวิต

รอบรู้เรื่องประกันชีวิต


"การทำประกันชีวิต คืออีกหนึ่งทางเลือกของการออมอย่างมีวินัย ที่ดูแลคุณได้ตลอดชีวิต"

:: 1. การประกันชีวิตคืออะไร
      การประกันชีวิต คือการชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปอันเนื่องมาจากการตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือชราภาพ โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต
      ผู้เอาประกันภัย คือบุคคลที่ตกลงทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิตโดยอาศัยสาเหตุของการมีชีวิตหรือการตายเป็นเงื่อนไขในการจ่ายเงินประกันชีวิต
      ผู้รับผลประโยชน์ คือบุคคลที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตว่าจะเป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้รับผลประโยชน์อาจเป็นบุคคลเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้

 

:: 2. ทำไมจึงต้องมีการประกันชีวิต
      2.1 ผู้เอาประกันชีวิตต้องการได้รับประโยชน์ในด้านความคุ้มครอง คือเมื่อมีภัยเกิดขึ้นแก่ชีวิตทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องสูญเสียรายได้เนื่องจากการตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือชราภาพ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้ตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์แล้วแต่กรณี
      2.2 เพื่อการออมทรัพย์ หากผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อการประกันชีวิตแบบที่มีการออมทรัพย์รวมอยู่ด้วย ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินก้อนหนึ่งตามที่ตกลงไว้เมื่อมีชีวิตอยู่ ณ วันที่สัญญาครบกำหนด ทั้งนี้บริษทประกันชีวิตจัดเป็นสถาบันการเงินเช่นเดียวกับธนาคารและบริษัทเงินทุน
      2.3 การประกันชีวิตให้ประโยชน์ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทประกันชีวิตจะนำเอาเงินส่วนที่เป็นเงินออมของผู้เอาประกันภัยไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรขององค์การหรือรัฐวิสาหกิจ หรือตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง หรือนำไปลงทุนซื้อหุ้นหรือหุ้นกู้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้รัฐบาลสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า สนามบิน ถนนหนทาง รถไฟฟ้าและอื่นๆ อันเป็นการลดภาระของรัฐบาลที่จะต้องกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ

 

:: 3. การประกันชีวิตแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท
      ประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance) คือการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางหรือสูง โดยทั่วไปกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี รายหกเดือน หรือรายสามเดือน การพิจารณารับประกันชีวิตมีทั้งแบบตรวจสุขภาพและไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยและอายุเป็นสำคัญ
      ประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Life Insurance) คือการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างต่ำ จึงไม่มีการตรวจสุขภาพ การพิจารณารับประกันชีวิตอาศัยข้อมูลจากคำแถลงในใบคำขอเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือนอาจมีเงื่อนไขกำหนดระยะเวลารอคอยก็ได้ ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) คือระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อพิสูจน์สุขภาพของผู้เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายเงินเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดไว้ 180 วัน
      ประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance) คือการรับประกันชีวิตบุคคลหลายคนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียว โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงภัยของบุคคลในกลุ่มทั้งหมดด้วยอัตราเฉลี่ย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ หน้าที่การงาน หรือจำนวนเงินเอาประกันภัยและใช้เบี้ยประกันภัยอัตราเดียวกับบุคคลทุกคนในกลุ่มนั้น ๆ การประกันภัยประเภทนี้อัตราดอกเบี้ยประกันภัยจะถูกกว่าการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับพนักงาน ในบริษัทต่าง ๆ

 

:: 4. ประกันชีวิตแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ
      แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ปี 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี สัญญาประกันชีวิตแบบนี้มีลักษณะเป็นการให้ความคุ้มครองการเสี่ยงภัยอันเกิดจากการเสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีการสะสมทรัพย์รวมอยู่ด้วย จึงมีลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาประกันอัคคีภัย เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วจึงไม่มีมูลค่าใด ๆ คืนให้แก่ผู้เอาประกัน
      แบบตลอดชีพ (Whole life Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตโดยไม่คำนึงว่าจะเสียชีวิตเมื่อใด แต่ถ้าหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 99 ปี บริษัทประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย
      แบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยถ้าหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่สัญญาครบกำหนด
      แบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance) คือการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นประจำให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยทั่วไปเงินได้ประจำจะจ่ายเป็นปีทุก ๆ ปี จนครบตามเงื่อนไขของสัญญา สัญญาประกันชีวิตแบบนี้เหมาะกับผู้เอาประกันภัยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสะสมทรัพย์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว

:: 5. ผู้เอาประกันภัยจะเวนคืนเงินตามกรมธรรม์ประกันภัย ไปให้บุคคลอื่นได้หรือไม่
      สัญญาประกันชีวิตบางสัญญาจะมีมูลค่าเงินสดฝากสะสมไว้กับบริษัทประกันชีวิตโดยสังเหตุได้จากตารางท้ายกรมธรรม์ประกันภัย เงินจำนวนนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินฝากธนาคาร ผู้เอาประกันภัยจึงสามารถเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อรับเงินตามมูลค่าที่มีอยู่ในกรมธรรม์ได้เช่นเดียวกับการถอนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ดังนั้นผู้เอาประกันภัยจึงสามารถโอนประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตนี้ไปให้บุคคลอื่นได้


:: 6. ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นบุคคลอื่นได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
      (1) ถ้ามีการส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ไปแล้ว
      (2) ผู้รับประโยชน์ได้ทำหนังสือแจ้งบริษัทประกันภัยว่าตนจะเป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันชีวิตนั้น
      เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวข้างต้น ผู้เอาประกันภัยย่อมไม่สามารถโอนประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาประกันชีวิตไปยังบุคคลอื่นได้


:: 7. ทำอย่างไรเมื่อตัวแทนประกันชีวิตมาเสนอขาย
      เมื่อมีตัวแทนประกันชีวิตมาเสนอขายประกันชีวิต ท่านจะต้องอ่านและทำความเข้าใจในแบบประกันชีวิตที่เสนอขาย ผลประโยชน์ที่จะได้รับเงื่อนไข และข้อยกเว้นต่าง ๆ รวมถึงเบี้ยประกันภัยที่จะชำระก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันชีวิต

:: 8. แบบประกันชีวิตที่เหมาะสม
      ก่อนจะซื้อประกันชีวิตจะต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของการทำประกันชีวิต ระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการจำนวนเงินเอาประกันภัย และความสามารถชำระเบี้ยประกันภัยได้โดยไม่เดือดร้อนและตลอดระยะเวลาที่กำหนด ขอยกตัวอย่างดังตารางต่อไปนี

ความต้องการ

แบบประกันที่เหมาะสม

ความคุ้มครองระยะสั้น เช่น 5 , 10 ปี คุ้มครองเฉพาะการเสียชีวิตเท่านั้น ไม่มีเงินคืน เบี้ยประกันภัยจึงมีราคาถูก

แบบชั่วระยะเวลา

ความคุ้มครองระยะสั้น เช่น 7 , 10 , 15 , 20 ปี คุ้มครองการเสียชีวิต พร้อมกับการสะสมทรัพย์ มีเงินคืน

แบบสะสมทรัพย์

ความคุ้มครองแบบถาวร หรือตลอดชีพ อัตราเบี้ยประกันภัยไม่สูงนัก คุ้มครองการเสียชีวิตไม่มีเงินคืน

แบบตลอดชีพ

 

:: 9. ใบคำขอเอาประกันภัยมีความสำคัญอย่างไร
      เมื่อตัดสินใจทำประกันชีวิต ท่านต้องกรอกรายละเอียดในใบคำขอเอาประกันภัยตามความเป็นจริงทุกประการด้วยตนเองโดยเฉพาะประวัติการมีโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และประวัติการสมัครทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันภัยอื่น ๆ หรือหากผู้อื่นกรอกให้ จะต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงลายมือชื่อ เพราะหากบริษัทสืบทราบภายหลังว่าท่านไม่ได้บอกความจริง บริษัทประกันชีวิตก็สามารถนำมาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธการจ่ายเงินประกันชีวิตได้

 

:: 10. การสมัครทำประกันชีวิตนั้นจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
      (1) ใบคำขอเอาประกันภัยที่กรอกถูกต้องและครบถ้วน
      (2) เบี้ยประกันภัยงวดแรก
      (3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอเอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์
      (4) ในบางครั้งบริษัทประกันชีวิตอาจะขอดูผลตรวจสุขภาพและเอกสารอื่น ๆ

:: 11. การพิจารณารับประกันภัยคืออะไร
      การพิจารณารับประกันภัย หมายถึง การที่บริษัทประกันชีวิตนำข้อมูลที่ได้รับจากผู้เอาประกันภัยซึ่งได้กรอกไว้ในใบคำขอเอาประกันชีวิตมาตรวจสอบและตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับประกันภัย โดยพิจารณาในองค์ประกอบหลาย ๆ ด้านดังต่อไปนี้
      (1) พิจารณาถึงอาชีพว่ามีความเสี่ยงต่ออันตรายหรือมีชีวิตมากน้อยเพียงใด เช่น อาชีพขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างจะมีความเสี่ยงสูงมากกว่าพนักงานบริษัท เป็นต้น ในส่วนของรายได้นั้นก็จะพิจารณาถึงความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย รวมถึงจำนวนเงินเอาประกันชีวิตสูงเกินความจำเป็นหรือไม่
      (2) ข้อมูลการทำประกันชีวิตของผู้ขอเอาประกันภัยที่มีผลบังคับทุกฉบับ และที่กำลังยื่นขอเอาประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิตอื่น รวมถึงข้อมูลการเคยถูกปฏิเสธการรับประกันชีวิตมาก่อน
      (3) ประวัติการรักษาพยาบาล
      (4) การแต่งตั้งผู้รับประโยชน์ ควรเป็นบุคคลในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เช่น บิดา มารดา พี่ น้อง สามี ภรรยา บุตร เป็นต้น

 

:: 12. การที่จะต้องตรวจสุขภาพก่อนการทำประกันชีวิตหรือไม่นั้น ขึ้นกับ
      (1) ข้อกำหนดของบริษัท โดยเป็นไปตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ท่านขอซื้อและอายุ โดยทั่วไปหากจำนวนเงินเอาประกันภัยสูง หรือมีอายุมากก็จะมีการตรวจสุขภาพ เป็นต้น
      (2) บริษัทประกันชีวิตพิจารณาจากคำแถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัย ซึ่งระบุว่าเคยมีประวัติการตรวจรักษาสุขภาพมาก่อนหรือมีโรคประจำตัว บริษัทอาจจะขอให้มีการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมและขอประวัติการรักษาสุขภาพจากสถานพยาบาลที่เคยเข้ารับการรักษา

 

:: 13. ผลการพิจารณารับประกันภัย
      หลังจากที่บริษัทประกันชีวิตได้รับใบคำขอเอาประกันภัยพร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนแล้ว บริษัทประกันชีวิตจะพิจารณาข้อมูลของผู้ขอเอาประกันภัย ซึ่งผลการพิจารณาอาจเป็นไปได้ดังต่อไปนี้
      (1) รับประกันภัยในอัตราเบี้ยประกันภัยปกติ
      (2) ไม่สามารถรับประกันภัยได้ เนื่องจากผู้ขอเอาประกันภัยมีความเสี่ยงภัยสูงเกินปกติ
      (3) รับประกันภัยได้โดยมีเงื่อนไข ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะยื่นข้อเสนอใหม่ให้ เนื่องจากผู้ขอเอาประกันภัยมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ เช่น ขอเพิ่มเบี้ยประกันภัยพิเศษ รับประกันโดยยกเว้นความคุ้มครองบางอย่างในสัญญาเพิ่มเติม หรือไม่รับประกันสัญญาเพิ่มเติมใด ๆ หากผู้ขอเอาประกันภัยได้รับหนังสือยื่นข้อเสนอใหม่จากบริษัทประกันชีวิต ผู้ขอเอาประกันภัยจะต้องอ่านรายละเอียดหรือสอบถามเพิ่มเติมจากตัวแทนประกันชีวิตให้เข้าใจก่อนลงลายมือชื่อในเอกสารตอบรับ ซึ่งผู้ขอเอาประกันภัยมี 2 แนวทางปฏิบัติคือ
      (3.1) ยินยอมตามเงื่อนไขใหม่ โดยผู้ขอเอาประกันภัยจะต้องลงลายมือชื่อในเอกสารแล้วส่งคืนบริษัทประกันชีวิตผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือส่งตรงยังบริษัทประกันชีวิต เมื่อบริษัทประกันชีวิตได้รับแล้วก็จะอนุมัติและออกกรมธรรม์ประกันภัยให้
      (3.2) หากไม่ยินยอมตามเงื่อนไขใหม่ โดยผู้ขอเอาประกันภัยจะต้องลงลายมือชื่อในเอกสารแล้วส่งคืนบริษัทประกันชีวิตผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือส่งตรงยัง...

 

:: 14. เมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว จะยกเลิกได้หรือไม่
      เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยจากบริษัทประกันชีวิตแล้ว ขอให้ตรวจสอบความถูกต้อง หากไม่พึงพอใจด้วยสาเหตุใดก็ตามสามารถใช้สิทธิยกเลิกสัญญา (Free Look) โดยส่งคืนกรมธรรม์ประกันภัยมายังบริษัทประกันชีวิตภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์จากบริษัทประกันชีวิตซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะคืนเบี้ยประกันภัย ที่เหลือจากการหักค่าตรวจสุขภาพตามที่จ่ายจริง (ถ้ามี) และค่าใช้จ่ายของบริษัทฉบับละ 500 บาทแล้ว

 

:: 15. เมื่อทำประกันชีวิตมาระยะเวลาหนึ่งแล้วไม่สามารถส่งเบี้ยประกันภัยต่อได้ จะมีแนวทางให้เลือก 3 แบบคือ
      (1) ขอรับเงินสด กรณีนี้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยจะสิ้นสุดทันทีจำนวนเงินสดที่ได้รับคืนจะเป็นไปตามจำนวนที่ระบุในตารางเวนคืนเงินสดที่แนบอยู่ท้ายกรมธรรม์ประกันภัย
      (2) ขอเปลี่ยนเป็นมูลค่าใช้เงินสำเร็จ กรณีนี้ระยะเวลาความคุ้มครองจะเท่าเดิมตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำนวนเงินเอาประกันภัยจะลดลง จำนวนเงินเอาประกันภัยใหม่จะเป็นไปตามจำนวนที่ระบุในตารางมูลค่าใช้เงินสำเร็จที่แนบอยู่ท้ายกรมธรรม์ประกันภัย
      (3) ขอเปลี่ยนเป็นมูลค่าขยายเวลา กรณีนี้จำนวนเงินเอาประกันภัยจะเท่าเดิมตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย แต่ระยะเวลาความคุ้มครองใหม่จะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในตารางมูลค่าขยายเวลาที่แนบอยู่ท้ายกรมธรรม์ประกันภัย

 

:: 16. เพราะเหตุใดเมื่อยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว มูลค่าเวนคืนเงินสดจึงมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนเบี้ยที่ชำระไปแล้ว
      เพราะการซื้อประกันชีวิตเป็นการเฉลี่ยภัยในหมู่ผู้เอาประกันภัยด้วยกัน หากผู้เอาประกันภัยรายใดเสียชีวิต บริษัทประกันชีวิตก็จะนำเงินจากเบี้ยประกันชีวิตของผู้เอาประกันภัยทุกคนไปจ่ายให้กับผู้รับประโยชน์ของผู้ที่เสียชีวิต ดังนั้นเหตุที่มูลค่าเวนคืนเงินสดมีมูลค่าน้อยกว่าเพราะเบี้ยประกันภัยที่ท่านชำระมาแล้วส่วนหนึ่งจะถูกนำไปจ่าย ให้แก่ผู้เอาประกันภัยรายอื่นที่เสียชีวิต

 

:: 17. ใบรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยมีความสำคัญอย่างไร
      ใบรับเงินค่าเบี้ยประกันภัย คือ หลักฐานที่ใช้อ้างอิงว่าผู้เอาประกันภัยได้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตแล้ว โดยทั่วไปใบรับเงินได้จำแนกออกเป็น ใบรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยงวดแรก และ ใบรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยงวดต่อไป
      ใบรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยงวดแรก แสดงถึงการมีผลบังคับของกรมธรรม์ประกันภัย โดยปกติแล้วเมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัยงวดแรกพร้อมส่งใบคำขอเอาประกันภัยให้บริษัทประกันชีวิต หากบริษัทประกันชีวิตไม่เรียกขอหลักฐานใด ๆ เพิ่มเติมภายใน 30 วัน ถือว่าบริษัทประกันชีวิตยอมรับประกันภัยแล้วโดยอัตโนมัติ
      ในการชำระเบี้ยประกันภัยทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นนการชำระผ่านตัวแทนประกันชีวิต หรือชำระโดยตรงต่อบริษัทประกันชีวิต ผู้เอาประกันภัยควรเรียกรับใบรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานการชำระเงิน เพราะใบรับเงินนี้จะเป็นหลักฐานแสดงความสมบูรณ์ของกรมธรรม์ประกันภัยของท่าน ว่าท่านจะมีสิทธิ์ได้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา

 

:: 18. การชำระเบี้ยประกันภัยอย่างครบถ้วน และตรงเวลามีความสำคัญอย่างไร
      การชำระเบี้ยประกันภัยตรงเวลามีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยไม่ขาดอายุ ส่งผลต่อการได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วนตามสัญญาประกันชีวิต การชำระเบี้ยประกันภัยทุกครั้ง หากชำระผ่านตัวแทนประกันชีวิตควรเรียกใบรับเงินชั่วคราว หากชำระผ่านช่องทางอื่นควรเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้ทุกครั้ง จนกว่าจะได้รับใบรับเงินตัวจริงจากบริษัทประกันชีวิต เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวท่านเอง

 

:: 19. ทำไมจึงต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ให้บริษัทประกันชีวิตทราบ
      เหตุผลที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ให้บริษัทประกันภัยทราบ ก็เพื่อบริษัทประกันภัยจะได้จัดส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เช่น ใบเตือนแจ้งการชำระเบี้ยประกันภัย ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันภัย หรือหลักฐานอื่น ๆ ให้แก่ท่านได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัย เช่น เงินคืนตามกำหนดเวลาหรือเงินครบกำหนดสัญญา ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินดังกล่าวอย่างครบถ้วน และการแจ้งผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งให้บริษัทประกันชีวิตรับทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยตัวผู้เอาประกันภัยเองเท่านั้น ในกรณีที่มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล เงินคืนตามระยะเวลาหรือเงินครบกำหนดสัญญา จะได้สามารถติดต่อผู้เอาประกันภัยได้

 

:: 20. การใช้สิทธิกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต
      การกู้ยืมเงินโดยใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตที่ยังมีผลบังคับอยู่มาเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้ โดยจำนวนเงินที่จะกู้ยืมได้จะไม่เกินมูลค่าเงินสดตามที่ระบุไว้ในท้ายกรมธรรม์ประกันชีวิต

 

:: 21. การกู้ยืมเงินเพื่อชำระเบี้ยประกันภัยอัตโนมัติคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
      ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยจนกรมธรรม์ประกันชีวิตมีมูลค่าเงินสดเกิดขึ้นแล้ว หากผู้เอาประกันภัยมิได้ชำระเบี้ยประกันภัยงวดต่อไปภายในระยะเวลาที่กำหนด บริษัทจะมีการทำการกู้ยืมเงินเพื่อชำระเบี้ยประกันภัยงวดต่อไปให้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เพื่อให้กรมธรรม์ประกันชีวิตนั้นยังคงมีผลบังคับต่อไป โดยบริษัทประกันชีวิตจะคิดดอกเบี้ยการกู้ยืมจากผู้เอาประกันภัยตามอัตราดอกเบี้ยที่ได้ระบุไว้

:: 22. หากต้องการซื้อความคุ้มครองเกี่ยวกับอุบัติเหตุและสุขภาพ นอกเหนือจากการประกันชีวิตจะทำได้หรือไม่อย่างไร
      เพื่อสนองความต้องการของผู้เอาประกันภัยที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มมากขึ้นจากความคุ้มครองด้านการมีชีวิตอยู่หรือการตาย บริษัทประกันชีวิตจึงได้มีรูปแบบความคุ้มครองต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัดในโรงพยาบาล การประกันภัยโรคร้ายแรงและอื่น ๆ อีกมาก
      ทั้งนี้ การที่ผู้เอาประกันภัยจะสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองพิเศษนี้ได้จะต้องเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตหลักก่อนแล้ว จึงค่อยซื้อความคุ้มครองพิเศษนี้ในรูปแบบของสัญญาเพิ่มเติม โดยสัญญาเพิ่มเติมที่ซื้อนี้จะเป็นสัญญาปีต่อปี

:: 23. บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตในกรณีดังต่อไปนี้คือ
      (1) จ่ายเงินผลประโยชน์ให้ผู้เอาประกันภัยในระหว่างอายุสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในกรมธรรม์ประกันภัย
      (2) จ่ายเงินเอาประกันภัยและผลประโยชน์ให้ผู้เอาประกันภัยเมื่อสัญญาครบกำหนด
      (3) จ่ายเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับผลประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตระหว่างที่สัญญาประกันชีวิตมีผลบังคับอยู่

 

:: 24. กรณีใดบ้างที่บริษัทประกันชีวิตไม่อาจจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตได้
      (1) ผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาประกันชีวิต
      (2) ผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
      (3) มีการเรียกร้องเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตโดยทุจริต
      ตัวอย่างเช่น นายสมบัติทำประกันชีวิตด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี ปีละ 50,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี นายสมบัติถูกนายดำรง (ผู้รับประโยชน์) ฆ่าตายเพื่อหวังเงินเอาประกันภัย กรณีเช่นนี้หากสืบทราบได้ บริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท ให้แต่จะคืนเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระมาแล้ว 3 ปี เป็นเงิน 150,000 บาท ให้เท่านั้น

 

:: 25. เอกสารที่ใช้ในการเรียกร้องเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต มีอะไรบ้าง
      (1) กรณีเสียชีวิต : หลักฐานที่ใช้ในการเรียกร้องแยกเป็น 3 กรณี คือ
        (1.1) กรณีเสียชีวิตโดยปกติ เช่น การเสียชีวิตโดยการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หรือชราภาพ เป็นต้น
          • แบบฟอร์มการเรียกร้องการเสียชีวิต
          • ใบรับรองแพทย์
          • ใบมรณะบัตร
          • สำเนาบัตรประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์
          • กรมธรรม์ประกันชีวิต
        (1.2) กรณีเสียชีวิตโดยผิดปกติ เช่น ฆ่าตัวตาย , ถูกผู้อื่นทำให้ตาย , ถูกสัตว์ทำร้ายตาย , ตายโดยอุบัติเหตุ , ตายโดยไม่ปรากฎเหตุ ต้องมีหลักฐานเพิ่มเติม ดังนี้
          • สำเนาบันทึกประจำวัน
          • สำเนารายงานการชัณสูตรพลิกศพ
        (1.3)ตายโดยผลของกฎหมาย กรณีหายไปจากภูมิลำเนา โดยไม่มีใครเห็นถือว่าเป็นบุคคล สาบสูญต้องมีหลักฐานเพิ่มคือ คำสั่งศาลที่สั่งให้เป็นคนสาปสูญ
      (2) กรณีอยู่ครบกำหนดสัญญา : หลักฐานที่ใช้ในการเรียกร้องมีดังนี้
         • แบบฟอร์มการเรียกร้อง
         • กรมธรรม์ประกันชีวิต
         • บัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย

 

:: 26. ระยะเวลาผ่อนผันคืออะไร หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่
      ระยะเวลาผ่อนผัน คือระยะเวลาที่บริษัทประกันชีวิตยินยอมให้ผู้เอาประกันชีวิต สามารถชำระเบี้ยประกันภัยล่าช้ากว่าที่กำหนดได้แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาผ่อนผัน (ปกติบริษัทประกันชีวิตจะกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยให้ 30 วัน)
      บริษัทประกันชีวิตยังคงให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันชีวิต โดยบริษัทประกันชีวิตจะหักค่าเบี้ยประกันภัยที่ยังค้างชำระออกจากจำนวนเงินเอาประกันภัยที่จะจ่าย
      ตัวอย่างเช่น นายบุญเติม ทำประกันชีวิตไว้โดยกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยทุกวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เมื่อถึงกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยปีที่ 6 นายบุญเติม ลืมชำระเบี้ยประกันภัยและได้เสียชีวิตลงในวันที่ 28 เมษายน ในกรณีเช่นนี้บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ของนายบุญเติม โดยหักจำนวนเงินค่าเบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระออก

 

:: 27. หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำจะสามารถติดต่อได้ที่ใด
      สามารถสอบถามได้โดยตรงที่ บริษัทประกันชีวิต ที่ท่านได้ทำประกันชีวิตไว้ หรือที่สมาคมประกันชีวิตไทย หรือสายด่วนกรมการประกันภัย โทร. 1186