Accessibility help

เมนูหลัก

หัวเราะนั้น สำคัญไฉน

หัวเราะนั้น สำคัญไฉน

 

 

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “จากผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการหัวเราะขำขันจากความรู้สึกในใจลึกๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีประโยชน์ ทั้งยังช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดหัวใจ ลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลได้อีกด้วย แถมยังทำให้นอนหลับสบาย และนอนได้เต็มอิ่ม เพราะการหัวเราะทำให้กล้ามเนื้อร่างกายทำงานเต็มที่ เพียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง 15-20 นาที ก็เทียบได้กับการออกกำลังกายหัวใจได้ประมาณ 3-5 นาทีแล้วค่ะ”

          นอกจาก นี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ ยังเคยทำการวิจัยโดยให้อาสาสมัครชมวีดิโอขำขันซึ่งทำให้พวกเขาได้หัวเราะกัน เต็มที่ โดยในระหว่างนั้นก็วัดอัตราการไหลเวียนเลือดของพวกเขาไปด้วย ผลการวิจัยพบว่า อัตราการไหลเวียนเลือดของอาสาสมัครดีขึ้นถึง 22% ซึ่งการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นนี้ หมายถึงการช่วยรักษาสุขภาวะที่ดีให้กับหลอดเลือด และส่งผลช่วยยับยั้งการเกิดโรคหัวใจด้วย

          แล้วการหัวเราะมีประโยชน์อย่างไรกับเด็กๆ ที่ คุณหมออัมพรกล่าวมา รวมถึงผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ยังเป็นแค่ตัวอย่างเบาะๆ เกี่ยวกับประโยชน์โดยทั่วไปของการหัวเราะสำหรับทุกคน แต่ถ้าพูดถึงเด็กๆ โดยปกติแล้วเด็กที่มีสุขภาพกายดีและมีพัฒนาการที่แข็งแรงจะเป็นเด็กที่มี สุขภาพจิตใจที่ดีและความสุข สัญญาณที่จะทำให้พ่อแม่รับรู้ได้ว่าเด็กมีความสุขก็คือการหัวเราะนี่เอง ขณะเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหมั่นสังเกตลูกด้วยว่า เสียงหัวเราะของเขาจางลงไปบ้างหรือเปล่า เพราะเด็กๆ สามารถซึมซับความเครียดจากผู้ใหญ่ได้ แต่ไม่สามารถระบายออกมาให้ใครๆ เห็นได้ชัดเจน

ส่วนถ้าพูดในเชิงทฤษฎี การหัวเราะกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง “ฮอร์โมนโดพามีน” ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ การเคลื่อนไหว และความจำ ที่สำคัญคือ เป็นฮอร์โมนที่ลดความเครียด เมื่อความเครียดลดลง ระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หากมีมากเกินไปอาจทำให้เกิดโรค จะปรับลงมาอยู่ในระดับที่สมดุล นอกจากนี้การหัวเราะยังทำให้เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองได้มาก ยังผลให้พัฒนาการทางสมองดี ที่สำคัญการหัวเราะยังทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันเลือดลดลง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่เราควรหัวเราะกันให้มากขึ้น และไม่ลืมกระตุ้นลูกหลานให้หัวเราะไปกับเราด้วย



มาสร้างเสียงหัวเราะกันดีกว่า

เพราะเสียงหัวเราะเป็นกุญแจสู่การมีสุขภาพดีที่เราไม่ควรทำให้ขาดหายไปจากชีวิตประจำวัน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรหัวเราะให้ได้ 17 ครั้งต่อวัน ส่วนเด็กๆ ถ้าได้หัวเราะ 400 ครั้งต่อวันจะทำให้มีสุขภาพดี ฟังอย่างนี้แล้ว อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องยาก เพียงคุณจัดสรรเวลาให้กับกิจกรรมประจำวันที่จะทำให้คุณผ่อนคลายมากขึ้น เสียงหัวเราะก็จะตามมาเอง



เช่นในวันหยุด กำหนดช่วงเวลาทุกค่ำวันเสาร์เป็น “มูวี่ไนท์” ของครอบครัวแล้วเลือกหนังตลกหรือการ์ตูนขำๆ ที่เด็กๆ ชอบสักเรื่องหนึ่งมาชมร่วมกันทั้งครอบครัว แค่นี้ก็ได้ขำไปด้วยกันสองชั่วโมงเต็มอย่างไม่รู้ตัวแล้ว แถมยังได้กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกต่างหาก หรือบางครอบครัวที่งดการออกไปเดินเที่ยวในห้างเพราะต้องการรัดเข็มขัดในช่วงนี้ ก็อาจเปลี่ยนมาใช้วิธีช่วยกันทำอาหารทานในบ้านช่วงวันหยุด แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน นอกจากเสียงหัวเราะจะตามมา ความเครียดก็จะมลายหายไปได้ด้วย



เห็นไหมว่า การหัวเราะมีประโยชน์มากมายหลายอย่างทั้งกับร่างกายและจิตใจ แถมมีประโยชน์กับทุกคนตั้งแต่เด็กๆ จนถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆ ด้วย พูดถึงการหัวเราะมาขนาดนี้..วันนี้คุณหัวเราะแล้วหรือยัง?

ที่มาของบทความและภาพประกอบ:
http://women.sanook.com/mom-baby/knowledge/tips_55371.php